การถนอมสายตาจากการเรียน ทำงาน ออนไลน์
เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ยังไม่สามารถควบคุมได้ และยังไม่สามารถฉีดวัคซีนได้อย่างทั่วถึง พวกเราจะต้องมีการปรับตัวโดยการทำงาน และเรียนออนไลน์ มาเป็นเวลานาน ซึ่งในการใช้ดวงตาจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เป็นเวลานานนั้นจะทำให้ดวงตาล้า และอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการปวดเบ้าตา หรือปวดหัว ก็สามารถเป็นได้
ดังนั้นหากเราใช้งานดวงตาเป็นเวลานาน เราจึงต้องมีวิธีการดูแลดวงตาอย่างถูกต้อง เนื่องจากเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าดวงตาเป็นอวัยวะที่สำคัญสำหรับร่างกายของเรา ยิ่งในช่วงของการสื่อสารผ่านทางออนไลน์ ไม่ว่าจะเรียน หรือทำงานนั้น เราจะต้องใส่ใจดวงตาเรามากขึ้น ดังนั้น การถนอมสายตาจากการเรียน ทำงาน ออนไลน์ นั้นสำคัญมาก แต่ก่อนที่จะไปทราบเรื่องวิธีการถนอมสายตา เราต้องทราบก่อนว่าถ้าหากใช้ดวงตามากเกินไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเมื่อต้องเรียนและทำงานหน้าจอคอมตลอดเวลา?
แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน ประกอบด้วยแสงสีฟ้า (Blue light) ซึ่งเป็นแสงที่มีความยาวของคลื่นแสง 380-500 นาโนเมตร ซึ่งหมายความว่าแสงสีฟ้าที่มาจากจอนั้นมีการกระจายตัวได้ดีมาก จนทำให้สามารถทะลุผ่านไปยังจอประสาทตาของเรา ซึ่งหากใช้เป็นเวลานานจะทำให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับดวงตา เช่น ภาวะตาแห้ง จอประสาทตาเสื่อม หรือโรคคอมพิวเตอร์วิชชั่นซินโดรม ก็เป็นได้ ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าแต่ละโรคคืออะไร ดังนี้
อาการตาแห้ง (Dry Eyes) เกิดจากการทำงานของระบบต่อมน้ำตาผิดปกติ หรือมีการระเหยของน้ำตาที่มากเกินไป ส่งผลให้แสบตา เคืองตา และรู้สึกเหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา
โรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD) เกิดจากความผิดปกติบริเวณจุดกลางรับภาพของจอประสาทตา ทำให้สูญเสียการมองเห็นบริเวณกึ่งกลางภาพ โดยปกติมักเกิดขึ้นกับผู้สูงวัย แต่แสงสีฟ้าที่กระทบดวงตาจากการใช้เวลาอยู่หน้าจอนาน ๆ จะกระตุ้นให้จอประสาทตาเสื่อมเร็วขึ้น
โรคคอมพิวเตอร์วิชชั่นซินโดรม (CVS) เกิดจากคลื่นแสงสีฟ้าจะก่อให้เกิดการสร้างอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์ในดวงตาจนเสียหาย ทำให้เซลล์ค่อย ๆ เสื่อมลงและไม่สามารถใช้งานได้ และก่อให้เกิดอาการปวดตา แสบตา น้ำตาไหล ตาพร่ามัว อาจมีอาการปวดศีรษะ ต้นคอ ไหล่ และหลังร่วมด้วย
เห็นอย่างนี้แล้วเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดปกติกับดวงตาของทุกคน วันนี้สุขภาพดีดี.com ได้รวบรวมวิธีการถนอมสายตาจากการเรียน ทำงาน ออนไลน์ มาให้ทุกท่านได้อ่านกัน โดยมีทั้งหมด 10 ข้อย่อยๆ ได้แก่
กระพริบตาให้บ่อยขึ้น |
การกระพริบตาให้บ่อยขึ้นนั้นจะเป็นการช่วยให้ดวงตามีความชื้นมากขึ้น ป้องกันอาการตาแห้ง ซึ่งโดยปกติแล้วคนเราจะกระพริบตาโดยเฉลี่ย 18 ครั้งใน 1 นาที แต่การจ้องจออาจทำให้ความถี่ในการกระพริบตาลดลงโดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้ความชื้นในตาลดลง เกิดภาวะตาแห้ง แสบตา น้ำตาไหลบ่อย ดังนั้นหมั่นเตือนตัวเองให้กระพริบตาเสมอเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดตาแห้ง
ปรับความสว่างของสภาพแวดล้อมให้เหมาะสม |
แสงสว่างของหน้าจอและสภาพแวดล้อมเป็นสิ่งที่สำคัญมาก สังเกตความสว่างของบริเวณแวดล้อม การทำงานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่างเพียงพอและเหมาะสมกับดวงตา จะช่วยให้รู้สึกสบายตา ลดความเสี่ยงของการเกิดตาล้า
ปรับแสงหน้าจอให้พอดี |
ควรปรับแสงให้รู้สึกสบายตาไม่สว่างจ้าหรือมืดจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดการเพ่งมากกว่าปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนัก เกิดอาการเกร็ง ปวดบริเวณกระบอกตา สำหรับสมาร์ทโฟน อาจเลือกเป็นโหมดถนอมสายตาซึ่งจะช่วยให้รู้สึกสบายตามากยิ่งขึ้น
ทำท่า Hi Five กับหน้าจอ |
ลองยื่นมือไป “Hi five” กับหน้าจอ เหมือนทักทายหน้าจอ แต่ความเป็นจริงแล้วการทำท่านี้จะทำให้เราสามารถทดสอบระยะที่เหมาะสมระหว่างสายตากับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม เพื่อที่จะไม่เมื่อยล้าดวงตาจากการเพ่งมากเกินไป
หลัก 20-20-20 |
หลัก 20-20-20 คืออะไร? คือการที่กำหนดระยะเวลาของการทำงานและการพักสายตา โดยทุกครั้งที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอ ควรยึดหลักในการพักสายตาโดยการพักสายตาทุก ๆ 20 นาที ด้วยการมองออกไปไกล 20 ฟุต เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อถนอมสายตาไม่ให้ตาล้าหรือตาแห้งได้ง่าย
ปรับขนาดตัวอักษร |
ขนาดตัวอักษรที่เล็กเกินไปอาจทำให้คุณต้องใช้สายตาอย่างหนักในการจ้องมอง ดังนั้นปรับขนาดตัวอักษรให้เห็นได้ชัดเจนเพื่อไม่ให้ใช้สายตาหนักเกินไป
ทำความสะอาดหน้าจอ |
หลายคนอาจสงสัยว่าการทำความสะอาดหน้าจอจะช่วยถนอมสายตาได้อย่างไร คำตอบคือการที่ฝุ่นเกาะอยู่หน้าจอจะทำให้ภาพหน้าจอไม่ชัดเจนหรือขุ่นมัวและแน่นอนว่าต้องใช้สายตาหนักขึ้น ดังนั้นควรความสะอาดหน้าจออยู่เสมอเพื่อความชัดเจนและปกป้องดวงตาไม่ให้ทำงานหนักเกินไป
สวมแว่นกรองแสงสีฟ้า |
สวมแว่นกรองแสง ในหน้าจอจะมีแสงสีฟ้าที่สามารถทะลุเข้าไปทำลายเซลล์ของดวงตาได้ การสวมแว่นกรองแสงสีฟ้าจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยปกป้องดวงตาไม่ให้แสงสีฟ้ามาทำร้าย
บำรุงจากภายใน |
นอกเหนือจากปัจจัยภายนอกแล้ว การปรับการรับประทานอาหารก็มีส่วนช่วยให้การบำรุงและถนอมสายตาของคนเราได้เช่นกัน โดยมีงานวิจัยจากต่างประเทศค้นพบว่าการรับประทานอาหารที่มีโอเมก้า-3 สูง (แซลมอน,ทูน่า),ผลไม้ตระกูลเบอรี่,ผักบุ้ง,แครอท,ตำลึง,ฟักทอง,มะม่วงสุกและมะละกอ นั้นช่วยบำรุงสายตาได้
ออกไปข้างนอก |
การอุดอู้อยู่ที่เดิมเป็นเวลานานๆ ทำให้สายตาเราชินกับระดับแสงเดิมๆ และรู้สึกตึงเครียดอย่างไม่รู้ตัว ดังนั้นเราควรละจากหน้าจอคอมแล้วลุกออกไปเดินสูดอากาศข้างนอกบ้างสัก 15 นาที เพราะจะทำให้สายตาได้สัมผัสกับระดับแสงที่แตกต่างจากในห้อง ทำให้สมองและสายตาได้ผ่อนคลายความเมื่อยล้า ซึ่งจะทำให้เรารู้สึกมีพลังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แม้จะทำตามคำแนะนำข้างต้นแล้ว แต่เราก็ควรตรวจสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอโดยเพียงปีละ 1 ครั้ง เพื่อวัดความดันตา ตรวจเช็คจอประสาทตาและความผิดปกติของสายตา เพราะโรคที่เกี่ยวข้องกับสายตาบางอย่างไม่แสดงอาการ แต่มาแสดงอาการตอนที่ป่วยขั้นรุนแรงแล้ว ดังนั้นหากสามารถตรวจพบได้ตั้งแต่เริ่มต้น ก็จะสามารถรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อช่วยป้องกันการสูญเสียการมองเห็น สุขภาพดีดี.com เป็นห่วงสุขภาพทุกคนนะคะ