เทคนิคการรับมือความเครียดจากcovid-19

เทคนิคการรับมือความเครียดจากcovid-19

         ท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ที่ประชาชนคนไทยต้องเผชิญมาเป็นระยะเวลาร่วม 2 ปี ทั้งแพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย และทุกคนล้วนมีความเครียดและความกังวลใจ วันนี้ สุขภาพดีดี.com มาแบ่งปัน เทคนิคการรับมือความเครียดจากcovid-19 ว่าเราจะช่วยกันรับมือ ดูแลจิตใจ และผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันได้อย่างไร กับการจัดการความเครียดเพื่อรับมือ COVID-19 อย่างถูกวิธีที่จิตแพทย์แนะนำมีหลากหลายทางขึ้นอยู่กับการจัดการของบุคคลนั้นๆ มีวิธีการสังเกตตัวเองได้ดังนี้


อาการของความเครียดเบื้องต้น
ความเครียดมักส่งผลกระทบต่อร่างกาย และสุขภาพจิตของเรามากกว่าที่เราคิด โดยสามารถแบ่งสัญญาณเตือนของความเครียดออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้

  • กลุ่มที่ 1 Cognitive Symptoms ความเครียดมักจะส่งผลกระทบกับสมองเป็นประการแรก ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลง เช่น สมาธิสั้นลง มีปัญหาด้านความจำ ขี้หลงขี้ลืม การคิดแก้ไขปัญหาช้าลง เกิดความวิตกกังวลว่าตนเองจะทำผิดพลาด หวาดกลัวกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น เมื่อสมองเราทำงานช้าลงจะทำให้ไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ และส่งผลต่อการตัดสินใจ หรือการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ช้าลงนั่นเอง
  • กลุ่มที่ 2 Emotional Symptoms ความเครียดส่งผลต่ออารมณ์ ทำให้อารมณ์แปรปรวนไม่คงที่ บ้างฉุนเฉียว บ้างซึมเศร้า หรือบางคนอาจรู้สึกเหงา และโดดเดี่ยว เกิดการปลีกตัวออกจากสังคมและยิ่งทำให้เกิดอาการซึมเศร้าได้ง่ายขึ้นด้วย
  • กลุ่มที่ 3 Physical Symptoms เป็นสัญญาณเตือนที่ชัดเจนที่สุด โดยผู้ที่มีความเครียดส่วนใหญ่มักจะเกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่ไม่เคยเกิดกับร่างกายมาก่อนเช่น ผมร่วง ปวดหัว หนังตากระตุก เหงื่อออกง่าย ปวดเมื่อยตามร่างกาย หัวใจเต้นเร็วขึ้น คลื่นไส้อาเจียน ระบบขับถ่ายมีปัญหา และความต้องการทางเพศลดลง
  • กลุ่มที่ 4 Behavioral Symptoms เป็นกลุ่มอาการที่ส่งผลต่อพฤติกรรม เช่น ปลีกตัวเองออกจากสังคม ไม่พบปะผู้คน นอนไม่หลับ มีพฤติกรรมใช้สารเสพติดมากขึ้น รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าอยู่ตลอดเวลา ทำผิดพลาดบ่อยแม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม เพราะการรับรู้ของสมองทำงานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพนั่นเอง

         ถ้าหากท่านได้สังเกตอาการความเครียดเบื้องต้นและประเมิณกลุ่มของตันเองแล้วมีลักษณะคล้ายคลึงกับตัวท่านเอง มีวิธีการบรรเทาความเครียดเบื้องต้นโดยมี เทคนิคการรับมือความเครียดจาก covid-19 ได้ดังนี้

  1. ไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ความเครียดระยะยาวอาจทำให้เกิดภาวะท้อถอย หมดหวัง นำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดได้ง่าย อารมณ์ที่ไม่เป็นปกติ ทำให้มีโอกาสตัดสินใจทำสิ่งใด ๆ โดยไม่รอบคอบ คำแนะนำเบื้องต้นคือ ระหว่างนี้ไม่ควรมีการตัดสินใจในเรื่องใหญ่ ๆ ทั้งสิ้น เพียงประคับประคองให้ผ่านสถานการณ์แต่ละวัน รักษาตัวให้ดี รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และระวังตนเองไม่ให้ติดเชื้อ COVID-19
  2. ติดตามข่าวสารเท่าที่จำเป็น เลือกอ่านข่าวเท่าที่จำเป็นและอ่านจากแหล่งข่าวที่สามทารถเชื่อถือได้ เช่น ประกาศของรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น ลดการเสพโซเชียลมีเดีย และระมัดระวังข่าวปลอม
  3. ปฏิบัติตามคำแนะนำจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด การเว้นระยะห่างทางสังคม กินร้อนช้อนกลาง ล้างมือ สวมหน้ากากอนามัย หลีกเลี่ยงการสัมผัส
  4. ตรวจสอบอาการทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ของตัวเองสม่ำเสมอ เฝ้าระวังอาการซึมเศร้า การนอนที่ผิดปกติ 
  5. ใช้ชีวิตอย่างปกติและมีคุณค่า แม้อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เราก็จำเป็นต้องดำเนินชีวิตให้เป็นปกติ แม้จะต้องหยุดงานกักตัวอยู่บ้าน 14 วันก็สามารถจัดการกิจวัตรแต่ละวันให้มีสุขภาพดีได้ โดยมีวิธีการดังนี้
  • กินให้เป็นปกติ และลองเข้าครัวทำอาหารง่าย ๆ เช่น หุงข้าว ทอดไข่ เป็นต้น พยายามรับประทานอาหารที่หลากหลายและมีประโยชน์ ครบ 5 หมู่และถูกหลักอนามัย
  • นอนให้ปกติ การนอนหลับให้เพียงพอและนอนหลับเป็นเวลาเป็นภูมิคุ้มกันชั้นดี ป้องกันไวรัสและป้องกันภาวะซึมเศร้าได้ ปิดโทรศัพท์และปิดเสียงเตือนก่อนเข้านอน พยายามผ่อนคลาย สังเกตลมหายใจเข้าและออกก่อนนอน
  • เชื่อมต่อกับผู้คน แม้จะเจอเพื่อนฝูงผู้คนเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ แต่ยังสามารถเชื่อมต่อ พูดคุยปรึกษาหารือกันได้ โดยใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อถึงกันสามารถโทรคุยกันหรือ video call เพื่อให้เห็นหน้ากันได้
  • หากิจกรรมทำอย่าให้ว่าง ถึงแม้ว่าจะทำงานที่บ้าน หรือ Work From Home ควรจะมีการเตรียมตัวเหมือนไปทำงานตามปกติ เช่น ตื่นเช้า อาบน้ำ แต่งตัว ออกกำลังกายตามยูทูบแทนการไปฟิตเนส ทำงานบ้าน ทำอาหาร รดน้ำต้นไม้ เคลื่อนไหวร่างกายเล็กน้อยเพื่อยืดเส้นยืดสายร่างกาย ไม่ให้เหนื่อยล้าจากการนั่งนานๆมากเกินไป
  • ทำสิ่งที่สนใจและงานอดิเรกที่ชอบ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ออกกำลังกายสมอง ใช้ความคิดสร้างสรรค์และจินตนาการ ทำกิจกรรมในเงื่อนไขสถานการณ์ที่จำกัด
  • ฝึกปรับทัศนคติให้ใช้ชีวิตอย่างมีสติและไม่ชะล่าใจกับโรคระบาดที่กำลังเกิดขึ้น
  • เมื่อรับรู้ถึงความรู้สึกลบ ไม่ต้องฝืนใจตนเองและพยายามปรับให้เป็นบวก โดยการอยู่บนพื้นฐานความจริง อยู่แบบกลางๆ (Neutral) มีทั้งลบและบวก เมื่อรู้สึกแล้วก็แค่รับรู้ว่ามันเป็นความรู้สึก ไม่หงุดหงิดซ้ำซ้อน ยอมรับว่าความผิดพลาด ความล้มเหลวเป็นสิ่งที่อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้

         ในสถานการณ์การแพร่กระจายของโรคระบาดนั้นอาจทำให้ทุกคนมีความเครียด และมีความทุกข์ สิ่งที่ดีที่สุดที่จะสามารถทำให้พวกเราผ่านสถานการณ์นี้ไปได้คือการเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนพื้นฐานของความเป็นจริง ปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่กำลังเป็นไป สังเกตตัวเองทั้งในเรื่องของสุขภาพและสภาพจิตใจโดยปรับทัศนคติของตนเองให้มองโลกในตามความเป็นจริงอยู่เสมอว่าความทุกข์เพียงเข้ามาแล้วก็จะผ่านไป

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *