พาราควรกินกี่เม็ด
พาราเซตามอล หรือ อะเซตามิโนเฟน เป็นยาแก้ปวดลดไข้ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย หาซื้อได้ง่าย รับประทานได้ง่าย และมักจะมีติดไว้ประจำบ้าน เป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยเมื่อใช้อย่างถูกวิธี พาราเซตามอลสามารถบรรเทาปวดจากสาเหตุต่าง ๆ ได้หลากหลาย เช่น ปวดศีรษะ ปวดจากข้อเสื่อม ปวดกล้ามเนื้อ และใช้เป็นยาลดไข้ พาราเซตามอลที่เป็นยาเดี่ยวจะบรรเทาอาการปวดขั้นอ่อนถึงปานกลางเท่านั้น ไม่มีผลต่ออาการปวดขั้นรุนแรง เช่น แผลผ่าตัดใหญ่ หรือมะเร็ง และไม่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ซึ่งแอดมินได้รับคำถามจากแฟนเพจหลายๆคนว่า พาราควรกินกี่เม็ด แอดมินได้ทำการรวบรวมข้อมูลมาให้ทุกคนได้อ่านกันค่ะ
พาราเซตามอลมีหลายรูปแบบ ในรูปแบบรับประทานมีทั้งยาเม็ดและยาน้ำ ที่นิยมรับประทานในประเทศไทยและมีการใช้อย่างแพร่หลาย คือ ยาเม็ดที่มีตัวยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัมต่อเม็ด โดยทั่วไปในผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัมขึ้นไป รับประทานได้ครั้งละไม่เกิน 2 เม็ด (1,000 มิลลิกรัม) และวันละไม่เกิน 8 เม็ด (4,000 มิลลิกรัม) โดยเฉพาะสำหรับความปวดหลังการผ่าตัด นอกจากนี้ควรเว้นระยะห่างของมื้อยาอย่างน้อย 4 ชั่วโมง และไม่ควรใช้ยาติดต่อกันเกิน 5 วัน หากจำเป็นต้องใช้นานกว่านี้ควรปรึกษาแพทย์
วิธีการทานยาพาราเซตามอลให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัว |
- ยาน้ำสำหรับเด็ก มีความเข้มข้นต่างๆ ดังนี้
น้ำหนักตัวไม่ถึง 10 กก. ทานครั้งละ 60มก./0.6 มล. หรือ 80 มก./0.8 มล.
น้ำหนักตัว 12 – 15 กก. ทานครั้งละ 120, 125มก./ช้อนชา
น้ำหนักตัว 16 – 24 กก. ทานครั้งละ 160 มก./ช้อนชา
น้ำหนักตัว 25 – 40 กก. ทานครั้งละ 250 มก./ช้อนชา - ยาพาราเซตามอล ขนาด 325 มิลลิกรัม
น้ำหนัก 22-33 กิโลกรัม ทานครั้งละ 1 เม็ด
น้ำหนัก 34-44 กิโลกรัม ทานครั้งละ 1 เม็ดครึ่ง
น้ำหนัก 45-67 กิโลกรัม ทานครั้งละ 2 เม็ด - ยาพาราเซตามอล ขนาด 500 มิลลิกรัม (หรือที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย)
น้ำหนัก 33-50 กิโลกรัม ทานครั้งละ 1 เม็ด
น้ำหนัก 51-67 กิโลกรัม ทานครั้งละ 1 เม็ดครึ่ง
น้ำหนัก 67 กิโลกรัมขึ้นไปทานครั้งละ 2 เม็ด
วิธีการรับประทานยาพาราเซตามอล |
1. การรับประทานยาพาราเซตามอลควรรับประทานห่างกันอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง โดยใน 1 วันไม่ควรรับประทานยาเกิน 4,000 มิลลิกรัม
2. หากใช้ยาไปแล้วอาการต่างๆไม่ดีขึ้นเช่น ไข้ไม่ลดลงภายใน 3 วัน หรือ อาการปวดไม่บรรเทาภายใน 5-10 วัน ควรไปพบแพทย์เนื่องจากอาจเป็นอาการของโรคอื่นๆได้
อันตรายของการได้รับยาเกินขนาด |
การได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาด ส่วนใหญ่พบว่าเกิดจากการรับประทานอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ บ่อยกว่าการตั้งใจกินยาขนาดสูงเพียงครั้งเดียว ซึ่งการได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาดจะส่งพิษต่อตับ อาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องบริเวณด้านขวาบน มีตับโต กดเจ็บ ถ้าตรวจเลือดอาจพบค่าที่บ่งว่าการทำงานของตับผิดปกติ ถ้าตับถูกทำลายมากขึ้น อาจพบอาการของตับวายเฉียบพลัน ได้แก่ ตัวเหลือง ตาเหลือง สับสน ซึม ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจเสียชีวิตได้ และที่สำคัญ ไม่ควรดื่มสุรา หรือรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาต้านวัณโรค ยากันชักร่วมกับการรับประทานยาพาราเซตามอล เพราะอาจทำให้พิษต่อตับของยาพาราเซตามอลเพิ่มขึ้น