ฟังพูดไม่รู้เรื่อง อาจเป็นโรค Aphasia
โรคฟังพูดไม่รู้เรื่อง หรือ Aphasia เป็นภาวะบกพร่องทางการสื่อความ เป็นความผิดปกติทางการสื่อสาร ซึ่งมักเป็นผลมาจากสมองได้รับความเสียหายจากภาวะเส้นเลือดในสมองแตกหรือการได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ
ทำให้ผู้ป่วยมีความผิดปกติในด้านทักษะของการสื่อสารและการใช้ภาษา ไม่สามารถโต้ตอบหรือทำความเข้าใจได้ และอาจมีปัญหาทางด้านการอ่านและการเขียนร่วมด้วย
ภาวะดังกล่าวมีอยู่หลายรูปแบบ แต่โดยทั่วไปสามารถแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ คือ
- ชนิดที่มีปัญหาด้านการรับรู้ทางภาษาเป็นปัญหานำ
- ชนิดที่มีปัญหาด้านการแสดงออกทางภาษาเป็นปัญหานำ
- ชนิดที่มีปัญหาทั้งด้านการรับรู้และการแสดงออกทางภาษา
- ชนิดที่มีปัญหาด้านการนึกคำพูด
ซึ่งในแต่ละรูปแบบจะมีสาเหตุและอาการที่แตกต่างกันออกไป นอกจากรักษาที่สาเหตุแล้ว ผู้ป่วยจะได้รับการแก้ไขภาวะนี้ด้วยการบำบัดฟื้นฟู การใช้ภาษาและการสื่อสารร่วมด้วย สุขภาพดีดี.com ในหัวข้อของ ฟังพูดไม่รู้เรื่อง อาจเป็นโรค Aphasia ได้รวบรวมข้อมูลดีดีมาให้อ่านกันค่ะ
ปัญหาด้านการรับรู้ทางภาษาเป็นปัญหานำ |
ชนิดที่มีปัญหาด้านการรับรู้ทางภาษาเป็นปัญหานำ (receptive aphasia, sensory aphasia หรือ Wernicke’s aphasia) พยาธิสภาพของสมองอยู่ที่ส่วนกลางของสมองส่วนหน้า (Wernicker’ s area) ผู้ป่วยจะมีความบกพร่องด้านการฟังและการอ่านเป็นหลัก
โดยมักจะพูดได้คล่องและชัดเจน แต่ไม่เข้าใจคำพูดของตัวเอง หรือไม่รู้ว่าตัวเองพูดผิดแต่บางรายอาจมีการสร้างคำพูดใหม่ ๆ ขึ้นมาเองได้อาจสรุปปัญหาด้านการรับรู้ทางภาษาในผู้ป่วยประเภทนี้ได้ดังนี้
- ปัญหาในการฟังเข้าใจคำพูด
- ปัญหาในการอ่านหนังสือ
- ปัญหาในการพูดตาม
ปัญหาด้านการแสดงออกทางภาษาเป็นปัญหานำ |
ชนิดที่มีปัญหาด้านการแสดงออกทางภาษาเป็นปัญหานำ (expressive aphasia, motor aphasia หรือ Broca’s aphasia) พยาธิสภาพของสมองอยู่ที่ส่วนหน้าของสมองซีกซ้าย (Broca’s area)
ผู้ป่วยจะมีความบกพร่องด้านการพูดและการเขียนหนังสือเป็นหลัก โดยจะสามารถฟังเข้าใจคำพูดของผู้อื่นหรืออ่านหนังสือได้ แต่ไม่สามารถพูดคุยหรือพูดบอกความต้องการของตัวเองได้อาจสรุปปัญหาด้านการพูดในผู้ป่วยประเภทนี้ได้ดังนี้
- พูดไม่ชัดอาจจะพูดไม่ชัดแบบ apraxia หรือ dysarthria ร่วมด้วย แล้วแต่ความรุนแรงและตำแหน่งของพยาธิสภาพ
- พูดเฉพาะคำสำคัญของประโยค
- พูดไม่คล่องตะกุกตะกัก หยุดพูดระหว่างคำบ่อยและนานกว่าปกติเพราะต้องหยุดนึกหาคำพูด
- พูดใช้เสียงหนึ่งแทนเสียงหนึ่งหรือใช้คำหนึ่งแทนอีกคำหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
- ปัญหาในการพูดตาม
- ปัญหาในการคิดคำนวณหรือการนับเงินตรา
- ปัญหาในการพูดสิ่งที่เรียงลำดับ
- ปัญหาในการนึกคิดหาคำพูดหรือคำศัพท์ต่างๆ
ปัญหาทั้งด้านการรับรู้และการแสดงออกทางภาษา |
ชนิดที่มีปัญหาทั้งด้านการรับรู้และการแสดงออกทางภาษา (receptive-expressive aphasia หรือ Global aphasia) พยาธิสภาพของสมองอยู่ที่สมองซีกซ้าย (Wernicke’s area และ Broca’s area) ผู้ป่วยจะมีปัญหาในการสื่อสารทั้งด้านการรับรู้และการแสดงออกทางภาษาในระดับใกล้เคียงกัน
มีความบกพร่องของปัญหาทั้ง 2 แบบข้างต้น โดยจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของพยาธิสภาพของโรคว่าอยู่ที่ Wernicke’s area หรือ Broca’s area ขั้นรุนแรงอาจพูดไม่ได้ ร่วมกับฟังไม่เข้าใจเลยก็เป็นได้
ปัญหาด้านการนึกคำพูด |
ชนิดที่มีปัญหาด้านการนึกคำพูด (Amnesic aphasia) ผู้ป่วยมีความลำบากในการนึกคิดคำศัพท์เป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ในผู้ป่วย aphasia ประเภทอื่น ๆ ด้วยผู้ป่วยจะพูดได้คล่องชัดเจนถูกต้องตามไวยากรณ์ แต่จะพูดอ้อมค้อมและอธิบายถึงสิ่งที่ต้องการจะพูดแทนคำศัพท์ที่นึกไม่ออกหรือใช้คำอื่นแทนคำที่ต้องการจะพูด
เช่นพูดว่า “สิ่งที่เอาไว้นั่ง” แทน “เก้าอี้” เป็นต้นในรายที่เป็นรุนแรงมากจะมีท่าทางลังเลในสิ่งที่จะพูดอัตราการพูดช้าลงส่วนด้านการฟังคำพูดจะปกติดีปัญหาด้านความเข้าใจในการอ่านและการเขียนจะแตกต่างกันไปตามระดับความรุนแรงสำหรับความบกพร่องในการคิดคำนวณหรือการนับเงินตราจะมีปัญหาน้อยมาก
การป้องกัน Aphasia |
การลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะ Aphasia สามารถทำได้โดยหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่สร้างความเสียหายต่อสมองและดูแลสุขภาพของสมองด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่มีโซเดียมและไขมันต่ำ
- งดการสูบบุหรี่
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่เหมาะสมและเท่าที่จำเป็น
- ควบคุมระดับความดันโลหิตและไขมันในเลือด
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบการไหลเวียนโลหิต ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
- หากสงสัยว่ามีอาการของภาวะเส้นเลือดในสมองแตก ควรเข้าพบแพทย์โดยเร็วที่สุด รวมถึงหากมีภาวะการเต้นของหัวใจผิดปกติ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรักษาอาการเช่นกัน
การรักษา Aphasia |
แพทย์จะรักษาภาวะ Aphasia ด้วยวิธีการบำบัดทางการพูดและภาษาเป็นหลัก เพื่อฟื้นฟูความสามารถด้านการใช้ภาษาและเสริมทักษะการสื่อสาร โดยผู้ป่วยจะได้รับการประเมินสุขภาพทั่วไป ระดับความผิดปกติของการใช้ภาษา และทักษะทางสังคมก่อนเข้ารับการบำบัดจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
การบำบัดดังกล่าวมีทั้งการบำบัดกับผู้เชี่ยวชาญ การทำกลุ่มบำบัด และการทำครอบครัวบำบัด โดยในขั้นตอนของการบำบัด แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะฝึกหรือทบทวนการใช้คำ ใช้ประโยคที่ถูกต้อง การพูดทวน และการถามตอบที่เหมาะสมให้แก่ผู้ป่วย รวมทั้งมีการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้คำศัพท์และเสียงของคำต่าง ๆ
เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถพัฒนาทักษะด้านการสื่อสาร เข้าร่วมบทสนทนา สื่อสารได้เมื่อถึงเวลาของตนเอง เข้าใจในข้อผิดพลาดทางการใช้คำและแก้ไขบทสนทนาที่ผิดพลาดนั้นได้
โดยทั่วไป อาการของผู้ป่วยจะค่อย ๆ ได้ผลดีขึ้นหลังทำการบำบัดติดต่อกัน แต่บางรายอาจใช้เวลานานกว่าปกติในการบำบัด โดยจากการศึกษาพบว่าการบำบัดจะได้ผลที่ดีที่สุดเมื่อเริ่มทันทีหลังจากที่ร่างกายและสมองเริ่มฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บจนอยู่ในอาการที่ปลอดภัย
นอกจากนี้ ยังมีการใช้ยาเพื่อรักษาภาวะ Aphasia แต่ยังคงอยู่ในระหว่างการศึกษาและทดสอบ ซึ่งยาดังกล่าวเป็นยาที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือดภายในสมอง ช่วยในการฟื้นฟูการทำงานของสมอง หรือเป็นยาที่ช่วยทดแทนสารสื่อประสาทในสมองของผู้ป่วยที่ขาดหรือหมดไป
Your article helped me a lot, is there any more related content? Thanks!