โควิด 2023 สายพันธุ์ใหม่ BA.2.75 กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลก ในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้แล้วจำนวนหนึ่ง สายพันธุ์ BA.2.75 มีลักษณะกลายพันธุ์หลายตำแหน่ง ซึ่งอาจทำให้หลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนหรือการติดเชื้อสายพันธุ์ก่อนหน้าได้ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อซ้ำหรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น
โควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ BA.2.75 กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วทั่วโลก ในประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์นี้แล้วจำนวนหนึ่ง สายพันธุ์ BA.2.75 มีลักษณะกลายพันธุ์หลายตำแหน่ง ซึ่งอาจทำให้หลบภูมิคุ้มกันจากวัคซีนหรือการติดเชื้อสายพันธุ์ก่อนหน้าได้ ทำให้มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อซ้ำหรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น
การป้องกัน โควิด 2023 สายพันธุ์ BA.2.75
การป้องกันสายพันธุ์ BA.2.75 สามารถทำได้ด้วยการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดส และรับวัคซีนเข็มกระตุ้น รวมถึงปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่างทางสังคม และหลีกเลี่ยงสถานที่แออัด
วิธีรักษาสายพันธุ์ BA.2.75
การรักษาสายพันธุ์ BA.2.75 ส่วนใหญ่เป็นการรักษาตามอาการ เช่น รับประทานยาลดไข้ ยาแก้ไอ ยาแก้อักเสบ พักผ่อนให้เพียงพอ หากมีอาการรุนแรงอาจต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยโควิด-19
หากมีอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 ควรแยกกักตัวที่บ้านอย่างน้อย 5 วัน และตรวจ ATK ซ้ำเมื่อครบวันที่ 5 หากผลเป็นลบสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม ควรสวมหน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดไปอีก 5 วัน
อาการของสายพันธุ์ BA.2.75 คล้ายกับสายพันธุ์ BA.2 ก่อนหน้า คือ มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก ปวดหัว อ่อนเพลีย หายได้เองภายใน 5-7 วัน อย่างไรก็ตาม สายพันธุ์ BA.2.75 อาจมีอาการรุนแรงมากขึ้นได้ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว หรือผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19
อาการที่พบบ่อยของสายพันธุ์ BA.2.75 ได้แก่
- ไข้
- ไอ
- เจ็บคอ
- มีน้ำมูก
- ปวดหัว
- อ่อนเพลีย
นอกจากนี้ อาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น
- หายใจลำบาก
- หายใจถี่
- เจ็บหน้าอก
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ท้องเสีย
- ปวดกล้ามเนื้อ
- ปวดข้อ
ความรุนแรงของอาการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรง ได้แก่
- ผู้สูงอายุ
- ผู้มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคเบาหวาน โรคไต เป็นต้น
- ผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19
หากมีอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 ควรแยกกักตัวที่บ้านอย่างน้อย 5 วัน และตรวจ ATK ซ้ำเมื่อครบวันที่ 5 หากผลเป็นลบสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ อย่างไรก็ตาม ควรสวมหน้ากากอนามัยและหลีกเลี่ยงสถานที่แออัดไปอีก 5 วัน
คำแนะนำสำหรับประชาชนทั่วไป
ประชาชนทั่วไปควรติดตามข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19