สารอาหาร Cell Matrix เซลล์แมทริกซ์ ทำหน้าที่อะไร

Cell Matrix(เซลล์แมทริกซ์) สามารถถูกดูดซึมและนำไปใช้ในร่างกายได้อย่างหมดจด ไม่ล่องลอยตกค้างในกระแสเลือด หรือถูกขับออกจากร่างกาย เกือบหมด เหมือนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สกัดแยก ออกมาเดี่ยวๆ แบบสารอาหารเคมีเชิงเดี่ยว (Isolated Chemical)

ในเดือนกันยายน 2551 นีลเส็น (Nielsen) เผยผลการสำรวจของ 52 ประเทศทั่วโลก เกี่ยวกับระดับการรับประทานวิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงความถี่, เหตุผล ที่รับประทาน และเหตุผลที่ไม่รับประทาน ประเทศที่พบคนบริโภควิตามินหรือผลิตภัณฑ์ อาหารเสริมมากที่สุดในโลกคือ ประเทศไทยและฟิลิปปินส์ (66%) อันดับรอง ลงมาคือ ลิรัวเนีย (59%) ไต้หวันและสหรัฐ (56% ) ตามลำดับ โดยเหตุผลหลักที่ผู้บริโภคตอบว่าทำไมจึง รับประทานอาหารเสริมเป็นประจำ คือ เพื่อเสริมระบบภูมิคุ้มกันโรค จากปริมาณความต้องการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด แสดงให้เห็นว่าการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นเทรนด์การดูแลสุขภาพทางเลือกใหม่ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งที่จำเป็นมากพอๆกับการตัดสินใจซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมารับประทานคือจะเลือกซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบไหน, ยี่ห้อใด เลือกอย่างไร เพราะมีวางจำหน่ายมากมายทั้งในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ไปจนถึงร้านค้าสะดวกซื้อใกล้บ้าน แต่ไม่ว่าที่จำหน่ายกันอยู่โดยทั่วไปนั้นจะแปะยี่ห้อต่างกันเพียงใด คุณอาจประหลาดใจ เมื่อทราบว่า วิตามินและเกลือแร่ตามร้านทั่วไปนั้น ส่วนใหญ่ คือ สารเคมีที่เรียกกันในวงการอุตสาหกรรมการผลิตยาและอาหารเสริมว่า “Isolated Chemical” หรือ “สารเคมีแบบแยกส่วน” หรือ “สารเคมีเชิงเดี่ยว” คือสารอาหารที่ถูกสังเคราะห์ให้แยกตัวออกมาเดี่ยวๆ ต่างจากอาหารปกติที่เรารับประทานกันเป็นประจำ หรือที่เราเรียกว่า วิตามินและแร่ราตุเคมี เชิงเดี่ยว (Isolated vitamins and minerals)

วิตามินและแร่ธาตุเคมีเชิงเดี่ยว(Isolated vitamins and minerals)คืออะไร?

ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทวิตามินและแร่ราตุมากมายที่ทำอยู่ในรูปแบบของ สารเคมีเชิงเดี่ยว (Isolated Chemical) เช่น วิตามินซี, วิตามินบี, และแคลเซียมต่างๆ ฯลฯ ทำให้ผู้บริโภคในยุคปัจจุบันเห็นว่านี่เป็นเรื่องปรกติที่จะซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบนี้ มารับประทาน โดยเชื่อว่าสารอาหารต่างๆนี้ สามารถถูกแยกหรือสกัดออกมาให้อยู่ในรูปแบบ สารเคมีเชิงเดียวที่เมื่อร่างกายรับเข้าไปแล้วจะสามารถก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกายแบบ เดียวกันกับการรับประทานอาหารได้ ยกตัวอย่างเช่น วิตามินซี ในความเป็นจริง “วิตามินซี” ไม่เคยอยู่เป็นอิสระเดี่ยวๆได้เลย

ในธรรมชาติ แต่จะอยู่ในรูปของสารอาหารเชิงซ้อน (Cell matrix) คือโมเลกุลของวิตามินซี จะมีพันะที่เกาะติดอยู่กับ สารอาหารอื่นๆได้แก่ ไบโอฟราโวนอยด์ (Bioflavonoids), โปรตีน (Proteins), คาร์โบไฮเดรต (Carbohydrates) และไขมัน (Lipids) นี่คือรูปแบบที่สารอาหารสามารถเข้าสู่ร่างกายแล้วร่างกายสามารถนำไปใช้งานได้จริง เพราะในความเป็นจริงแล้วร่างกายของเราไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รู้จักสารเคมีเชิงเดี่ยวร่างกายจึงมีปัญหากับการนำเอาสารเคมีเชิงเดี่ยวเหล่านั้นมาใช้ กระบวนการย่อยและดูดซึมสารอาหารจำเป็นต้องมีตัวพาสารอาหารต่างๆจากลำไส้เล็ก ขนส่งลำเลียงไปในเลือด และพาไปยังอวัยวะเป๋าหมาย โดยกระบนการขนส่งนี้ จะต้องมีโปรตีนที่มีความจำเพาะเจาะจงกับสารอาหารแต่ละชนิด ที่จะทำหน้าที่เป็นยานพาหนะที่รู้จุดหมายปลายทาง คืออวัยวะที่ถูกต้อง สำหรับสารอาหารแต่ละชนิดนั้น แต่สารเคมีเชิงเดี่ยวทั้งหลายไม่ได้เป็นแบบนี้

เพราะไม่ได้มีการเชื่อมโยง ต่อกับโปรตีนเฉพาะกิจเหล่านี้ ผลคือมีการดูดซึมผ่านลำไส้ได้น้อยมาก การนำไปใช้ประโยชน์และการคงสภาพอยู่ในร่างกายก็มีประสิทธิภาพต่ำโดยทั่วไปแล้วการดูดซึมของสารเคมีเดี่ยว มีประมาณ 5% และเป็นไปได้น้อยมากที่อาจเพิ่มถึง 20% โดยส่วนที่ดูดซึมไม่ได้นั้นจะถูกขับทิ้งออกจากร่างกาย นี่คือเหตุผลที่นักวิทยาศาสตร์และเพทย์บางกลุ่มตั้งข้อสังเกตว่าการรับประทานอาหารเสริมมีประโยชน์ตรงที่ทำให้ปัสสาวะมีราคาแพงขึ้นเท่านั้น

สารอาหารแบบเซลล์แมทริกซ์ (Cell Matrix nutrients)คืออะไร?

สารอาหารใน Cell Matrix เซลล์แมทริกซ์ คือวิตามิน, แร่ราตุ และสารอาหารจำเป็นที่ถูกเชื่อมไว้กับอาหารที่ยังมีชีวิต (เiving food) คือสิ่งที่ร่างกายของคุณถือเป็นอาหารอันประกอบไปด้วย โปรตีน + ไบโอฟลาโวนอยด์ + ไขมัน + เอนไซม์ + สารอื่นๆ (traceelements) หรือเรียกโดยรวมว่า “สารประกอบโปรตีน (Protein complex)ซึ่งมีสภาพที่คล้ายอาหารมาก แต่ต่างที่สามารถเลือกวิตามินหรือแร่ธาตุบางอย่างให้มีปริมาณมากเพียงพอแก่ความต้องการของร่างกายได้ ผลคือ สารอาหารเซลล์แมทริกซ์ สามารถถูกดูดซึมและถูกนำไปใช้ในร่างกายได้อย่างหมดจด

ไม่ล่องลอยตกค้างอยู่ในกระแสเลือด หรือถูกขับออกจากร่างกายเกือบหมดเหมือนอาหารเสริมที่ถูกแยกออกมาเดี่ยวๆ แบบสารเคมีเชิงเดี่ยว (isolated chemical) 

ในการผลิตสารอาหารแบบฟู้ดแมทริกซ์นี้ นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัย และพัฒนาวิธีการผลิต โดยมีเทคโนโลยีงานวิจัยที่ได้รับรางวัลโนเบล (Nobel Prize) เป็นพื้นฐานในการพัฒนา และทำงานร่วมกันกับธรรมชาติ เพื่อผลิตสารอาหารแบบฟู้ดแมททริกซ์ เพื่อให้เข้าใจว่าสารอาหารเหล่านี้ทำหน้าที่ได้ดีเพียงใด นักวิจัยที่มหาวิทยาลัย สแครนตัน ได้ทำการทดสอบเปรียบเทียบประสิทธิภาพของสารอาหารฟู้ดแมททริกซ์ กับสารอาหารเคมีแบบเชิงเดี่ยว (isolated chemicals) ที่มีต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมวัยทารกกระบวนการเริ่มจากการเลี้ยงสัตว์ทั้งหมดด้วยการลดสารอาหารจำเป็น ให้เกิดภาวะพร่องโภชนาการ เป็นเวลา 2 สัปดาห์ จากนั้นจึงเริ่มให้กลุ่มหนึ่งได้รับ “สารอาหารเคมีแบบเชิงเดี่ยว” อีกกลุ่มหนึ่งได้รับสารอาหารฟู้ดแมททริกซ์ เป็นเวลา 4 สัปดาห์เท่ากัน ระหว่างนั้นก็ทำการชั่งน้ำหนักและบันทึก ความเปลี่ยนแปลงลงบนกราฟ ผลปรากฏว่าสัตว์วัยอ่อนเหล่านี้ ซึ่งเซลล์ร่างกาย กำลังต้องการสารอาหาร กลับไม่ได้รับประโยชน์จาก “สารอาหารเคมี แบบเชิงเดี่ยว” ที่จริงน้ำหนักของมันกลับค่อยๆลดลงด้วยซ้ำตรงกันข้ามกับกลุ่ม ที่ได้รับ สารอาหารฟู้ดแมททริกซ์ กลับเติบโตและน้ำหนักของพวกมันได้เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวตลอดช่วงเวลา 4 สัปดาห์ การศึกษานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “สารอาหารเคมีแบบเชิงเดี่ยว” ให้ผลต่อสุขภาพน้อยมากหรืออาจไม่ช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์เลย หากตระหนักถึงความจำเป็นว่าเซลล์ต้องการการเติบโตและงอกงาม เพื่อที่ร่างกายของเราจะมีขีดความสามารถในการบำบัดรักษา เติบโตเข้มแข็งขึ้นและสามารถต่อสู้กับการรุกรานของกาลเวลาได้

อาหารเสริมเซลล์แมทริกซ์ (Cell Matrix nutrients)กับรางวัลโนเบล

ในปี ค.ศ. 1999 ดร.กันเตอร์ บลอเบล (Dr. Gunter Blobel) นักชีววิทยาโมเลกุลจาก มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสรีรวิทยา ในผลงานเรื่องการขนส่งโปรตีน งานวิจัยนี้กล่าวถึงวิธีการที่โปรตีนเดินทางขนส่งภายในเซลล์และระหว่างเซลล์ ดร.บลอเบล กล่าวว่าโปรตีนมี “สัญญาณภายในเฉพาะซึ่งทำหน้าที่เหมือนชิพโค้ไปรษณีย์ คือการจ่าหน้าจดหมายที่ชัดเจน เพื่อจะนำโปรตีนไปยังจุดหมายที่ถูกต้อง สายกรดอะมิโนหรือโปรตีนเป็ปไทด์ (peptide) นี้คือตัวสัญญาณเฉพาะของแต่ละโปรตีน ที่จะนำสารต่างๆผูกติดกับโปรตีนนั้นๆ ผ่านผนังเซลล์ไปยังอวัยวะ (organelle) ปลายทาง ที่ถูกต้อง หรือไปยังจุดหมายปลายทางอื่นๆ ตามความต้องการ

ความเข้าใจเรื่องของการขนส่งโดยโปรตีนนี้ ได้จุดประกายให้เราเข้าใจระบบการขนส่งสารอาหารภายในร่างกาย และเป็นหลักการสำคัญยิ่งของสารอาหารเซลล์แมทริกซ์ ดร.มาซซูร์ด อาร์วานากิ (Dr.Massoud Arvanaghi) นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานด้านการวิจัยที่โรงงานผลิตเซลล์แมทริกซ์ ได้รวบรวมหลักฐานการเปรียบเทียบสารอาหารเซลล์แมทริกซ์กับสารอาหารเคมีเชิงเดียว และได้พบว่ามันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มนุษย์มีความจำเป็นต้องรับสารอาหารจากอาหารแม้จะได้มีความพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการเปลี่ยนความเชื่อพื้นฐานนี้ โดยการสกัดแยกสิ่งที่ “เชื่อ” ว่าเป็นส่วนสำคัญของอาหารออกมาให้อยู่ในรูปแบบเคมี เพื่อง่ายต่อการผลิต (เช่น กรดแอสคอร์บิค) ผลของการวิจัยบอกได้ชัดเจนว่า สารอาหารเคมีชนิดสกัดเดี่ยวเหล่านี้เป็นให้ประโยชน์เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับสารอาหารเซลล์แมทริกซ์ นอกจากวิตามิน, แร่ราตุ และสารประกอบอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย แต่พระเอกของเรื่องนี้คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่ชื่อ แชพเพอโรน (chaperones = ตัวนำพา, พี่เลี้ยง) เพราะคือสิ่งที่เชื่อมโยงระหว่าง สารอาหารเดี่ยว (เช่น วิตามินซี) กับเซลล์ในร่างกายให้จดจำกันและกันได้ จึงเป็นตัวเชื่อมโยงที่สำคัญที่ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหาร, นำพาสารอาหาร และการนำสารอาหารไปใช้ ตลอดจนเก็บไว้เป็นคลังสำรองสารอาหารได้ นั่นหมายความว่าสารอาหารเคมีเชิงเดี่ยวนั้น อาจมีการดูดซึมผ่านลำไส้ได้จริง แต่เมื่อเข้าไปในระบบเลือดหรือน้ำเหลืองแล้ว สารอาหารเดี่ยวเหล่านี้ไม่ได้มีกลไกของการขนส่ง นำพาไปสู่จุดหมายปลายทางที่ถูกต้องติดไปด้วย เซลล์ของร่างกายจึงจำสารอาหารเดี่ยวเหล่านี้ไม่ได้ มีผลให้สารอาหารเดียวเหล่านี้ล่องลอยเป็นอิสระไปอย่างไร้ทิศทางที่แน่นอน (เพราะปราศจากโปรตีนแชพเพอโรนเป็นชิพโค้ดประจำ

เส้นทาง) ผลคือไปผิดที่ จึงก่อให้เกิดปัญหามากมายและอีกส่วนหนึ่งก็ถูกขับทิ้งออกไปจากร่างกาย เสมือนเป็นสิ่งของส่วนเกินที่ไม่มีประโยชน์ใดๆต่อร่างกายเลยสารอาหารทั้งหมดในโลกนี้เกิดอยู่ตามธรรมชาติในรูปของสารอาหารเชิงซ้อน(complex food compounds) ซึ่งเป็นชนิดที่ร่างกายต้องการและนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีที่สุด (หรือที่เราเรียกว่า “Living food” อาหารที่มีชีวิต) ส่วนสารอาหารเคมีเชิงเดี่ยว คือสิ่งแปลกปลอมของร่างกาย (หรือ “Dead food” อาหารที่ตายแล้ว) จึงให้ประสิทธิผลต่อร่างกายต่ำกว่าสารอาหารธรรมชาติที่แท้จริงและอาจทำให้ขบวนการปฏิกิริยาต่างๆของร่างกายทำงานสับสนไปด้วย

 

การดูดซึมและนำไปใช้ของวิตามินและแร่ธาตุในร่างกาย

วิตามินจำเป็นต้องมีองค์ประกอบร่วม (cofactors) บางประการ จึงจะทำให้ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ “ผู้ช่วย” เหล่านี้ประกอบด้วยไบโอฟลาโวนอยด์ และสารธรรมชาติอื่นๆ วิตามินนั้นๆ จึงจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นั่นหมายความว่าในธรรมชาตินั้นวิตามินจะอยู่ในพืชผักที่มีชีวิตไม่เคยอยู่อย่างโดดเดี่ยวเลย การปราศจากองค์ประกอบร่วมดังกล่าวส่งผลให้วิตามินที่ผลิตแบบ “เยกส่วน” ออกมาเป็น “สารอาหารเคมีเชิงเดี่ยว (Isolated Chemical)” แม้จะอัดปริมาณลงไปจำนวนมาก แต่ประสิทธิภาพที่เกิดกลับน้อยนิด ซึ่งอาจพิจารณา

จาก กรณีวิตามิน C เป็นตัวอย่างในการศึกษาเปรียบเทียบที่ดำเนินการที่วิทยาลัยการแพทย์นิวเจอร์ซึ่พบว่ามีวิตามิน C แบบเซลล์แมทริกซ์ ในกระแสเลือดมากกว่า 5 เท่า หลังผ่านไปสองชั่วโมง และมากกว่าอย่างไม่น่าเชื่อถึง 18 เท่า หลังผ่านไป 12 ชั่วโมง ยิ่งไปกว่านั้นแม้เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว 24 ชั่วโมง วิตามิน C แบบเซลล์แมทริกซ์ ก็ยังมีมากกว่าวิตามิน C แบบ “แยกส่วน” ในทุก ๆ ช่วงเวลาข้อพิสูจน์ต่อไปที่ย้ำถึงความเหนือกว่าของ อาหารเสริมเซลล์แมทริกซ์ คือ การศึกษาของศาสตราจารย์ เจ วินสัน ที่มหาวิทยาลัยสแครนตัน (Prof. J. Vinson of Scranton University) โดยการใช้ตัวอย่างเนื้อเยื่อเพื่อตรวจวัดปริมาณสารอาหารที่ปรากฏในเนื้อเยื่อหลังการบริโภคเซลล์แมทริกซ์ และกรดแอสคอร์บิค

(วิตามินซีสังเคราะห์เชิงเดี่ยว ผลลัพร์ที่ได้น่าประหลาดใจอย่างยิ่ง เมื่อพบว่าปริมาณวิตามิน C ในแบบเซลล์แมทริกซ์ Cell Matrix จะปรากฎในเนื้อเยื่อมากกว่า วิตามิน C เมื่ออยู่ในสถานะโดดๆ ถึง 17 เท่าตัว มะเร็งในลำไส้ใหญ่คร่าชีวิตคนอเมริกันปีละประมาณ 47,000 คน ซึ่งเป็นที่ทราบ

ดีว่า โรคที่น่าสะพรึงกลัวนี้พัฒนามาจากติ่งเนื้องอก (polyps) ดังนั้นการเติบโตของเนื้องอกเหล่านี้จึงได้รับการศึกษาวิจัยเพื่อประเมินความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ของคนไข้ ซึ่งในขณะที่ผลการศึกษาหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า วิตามินซี สามารถหยุดยั้ง การเติบโตของเนื้องอกได้ แต่การศึกษาที่จัดทำขึ้นที่มหาวิทยาลัยดับลิน ทรินิตี คอลเลจ (University of Dublin Trinity College) เปิดเผยว่า วิตามินซีแบบ เซลล์แมทริกซ์ สามารถลดขนาดของเนื้องอกลงกว่าร้อยละ 50 ภายในระยะเวลา เพียง 30 วัน จึงเป็นที่แน่ชัดว่าสารอาหารเซลล์แมทริกซ์ Cell Matrix เหนือกว่า “สารอาหาร เคมีเชิงเดี่ยว” อย่างมากมาย กุญแจสำคัญอีกประการของเทคโนโลยีใหม่นี้ อยู่ที่วิธีการส่งผ่านวิตามิน, แร่ธาตุ เข้าสู่ร่างกาย ผลงานทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับรางวัลโนเบล ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า มีกระบวนการที่ เป็นระบบที่ร่างกายใช้ในการส่งผ่านวิตามิน, แร่ธาตุ เข้าสู่เซลล์โดยตรง นั่นคือ โปรตีนที่ชื่อว่า “แชพเพอโรน (Chaperone)” ทั้งนี้หากปราศจากโปรตีนพิเศษนี้ แร่ราตุจากหินบด (crushed rock minerals) ซึ่งพบในอาหารเสริมเกือบทั้งหมด ก็จะจบลงด้วยการล่องลอยอย่างไร้จุดหมายในกระแสโลหิต นักวิทยาศาสตร์เองก็เพิ่งเริ่มที่จะเข้าใจถึงผลที่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตของแร่ธาตุ ที่ล่องลอยโดยอิสระในร่างกายเหล่านี้ แคลเซียม นับเป็นตัวอย่างเด่นชัดที่แสดงว่าแร่ราตุเหล่านี้เป็นอันตรายเพียงใด ปัจจุบันสตรีจำนวนนับล้านๆ คน บริโภคอาหารเสริมแคลเซียม แต่ในขณะที่หญิงชาวอเมริกันบริโภคอาหารเสริมแคลเซียมมากกว่าผู้หญิงในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก

แต่สหรัฐฯ กลับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีภาวะโรคกระดูกwรุน (osteoperosis) สูงสุดสภาวะที่เป็นอันตรายนี้ รู้จักกันในชื่อของ “Brittle Bone Disease” หรือ ” โรคกระดูกเปราะ ” ที่ทำให้เกิดช่องว่างในกระดูกซึ่งสามารถนำไปสู่การแตกร้าวถึงทพพลภาพและมักอันตรายถึงชีวิต ซึ่งการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแคลเซียมส่วนใหญ่ช่วยแก้ปัญหานี้ได้เพียงเล็กน้อย และอาจนำมาซึ่งผลข้างเคียงที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตเปรียบเทียบการดูดซึมแคลเซียมแคลเซียมซึ่งโดยทั่วไปแล้วเป็นที่ทราบกันดีในแวดวงโภชนาการว่ามีปัญหาในการดูดซึมมากเพราะดูดซึมได้ยาก ในคนที่ร่างกายขาดแคลเซียมเมื่อให้รับประทานแคลเซียมคาร์บอเนต (สารอาหารเคมีเชิงเดี่ยว) จะเกิดปัญหาหลายประการ

 

ปัญหาแรกคือท่านต้องรับประทานแคลเซียมคาร์บอเนตเป็นจำนวนมากโดยถูกแนะนำว่าควรรับประทานวันละ 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งจะมีเนื้อแคลเซียม 400 มิลลิกรัม และในจำนวน 400 มิลลิกรัมนี้ มีการดูดซึมได้ไม่เกิน 5% (คือ 20 มิลลิกรัม) ปัญหาที่สองคือ ไม่ทราบว่าแคลเซียม 20 มิลลิกรัมที่ดูดซึมนี้นำไปใช้ประโยชน์ได้ถูกต้องหรือเปล่า เพราะสารนี้เป็นอนินทรีย์สารที่มาจากดิน ไม่ได้มีการเชื่อมโยงต่อกับโปรตีน ดังนั้นจึงไม่ได้เดินทางไปยังเป้าหมายที่ถูกต้อง และเป็นที่ทราบกันดีในทางวิทยาศาสตร์ว่า แคลเซียม คือหนึ่งในสิ่งที่ประกอบร่วม ที่ทำให้เกิดคราบ (plaque)

ที่พอกตามผนังเส้นเลือดทำให้เส้นเลือดแข็งตัวหนาขึ้น (atherosclerosis) และอุดตันเส้นเลือดในที่สุด 

นอกจากนี้ยังไปเกาะตัวเป็นก้อนเข็งที่ลำไส้ใหญ่หรือต แต่แคลเซียมเซลล์แมทริกซ์มีการเชื่อมโยงต่อกับโปรตีนแชพเพอโรน ผลการวิจัยปรากฎว่าแคลเซียมเซลล์แมทริกซ์ มีการดูดซึมระหว่าง 70% ถึง 90% และไปสู่จุดหมายปลายทางที่ถูกต้อง กลุ่มนักวิทยาศาสตร์ภายใต้การนำของ ศาสตราจารย์ เจวินสัน แห่งมหาวิทยาลัยสแครนตันได้พิสูจน์ว่า แคลเซี่ยมเซลล์แมทริกซ์ดูดซึมได้มากกว่าแคลเซียมเชิงเดี่ยวถึง 300% และแคลเซียมเซลล์แมทริกซ์

ยังสามารถลดความดันเลือดไดแอสโตลิค (diastolic) ได้ 7.7% โดยที่แคลเซียมสารเดี่ยวอนินทรีย์ไม่มีผลใดๆในการลดความดันเลือดสูง ลองพิจารณาความแตกต่างระหว่างเส้นเลือดหัวใจ (coronary artery) ที่เป็นปกติกับเส้นที่อุดตัน

ด้วยหินปูน ดังภาพอีกกรณีศึกษาที่น่าสนใจของวิตามินซีคือ วิตามินซี (กรดแอสคอร์บิค) ในแบบสารเคมีเดี่ยว มีระยะเวลาของครึ่งชีวิต (half-life) ประมาณ 2 ชั่วโมง หมายความว่าเมื่อเรารับประทานวิตามินซีเคมีเชิงเดี่ยว หลังจาก 2 ชม.ผ่านไป จะไม่เหลือวิตามินซีให้เซลล์ในร่างกายดูดซึมไปใช้ได้อีกแล้ว แต่วิตามินซีเซลล์แมทริกซ์ ให้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์มาก กล่าวคือมีระยะเวลาครึ่งชีวิตยืดยาวมากกว่าถึง 18 ชั่วโมงและในแง่ของการนำไปใช้ในระดับเซลล์ (Bioavailability) วิตามินซีเคมีเชิงเดี่ยวสามารถถูกใช้ในร่างกายได้เท่ากับ100 หน่วยยูเอสพี* แต่สำหรับวิตามินซี

เซลล์แมทริกซ์ ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้มากถึง 1,210 หน่วยยูเอสพี 

สิ่งนี้เป็นผลประจักษ์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่สูงอย่างยิ่งจนน่าทึ่ง ในภาคปฏิบัติของการใช้สารอาหารเซลล์แมทริกซ์ ศาสตราจารย์วินสันได้ร้ายงานว่าเบต้าแคโรทีนเซลล์แมทริกซ์ มีการดูดซึมได้มากกว่าชนิดเคมีสกัดเดี่ยว 100% นี่เป็นข้ออธิบายถึงเหตุผลที่การทดลองในการใช้เบต้าแคโรทีนเคมีเชิงเดี่ยวทางคลีนิคบางแห่งไม่ได้ผลตามต้องการ ผลของการรวบรวมข้อมูลต่างๆของสารอาหารเซลล์แมทริกซ์ อื่นๆ ให้ผลเป็นที่น่าพอใจ เช่น ราตุเหล็กเซลล์แมทริกซ์ทำให้มีการเพิ่มฮีโมโกลบินในผู้ป่วยโรคเลือดจางเนื่องจากขาดราตุเหล็ก เห็นผลได้ภายใน 2-3 สัปดาห์โดยไม่มีผลข้างเคียงแต่อย่างใด ในขณะที่ราตุเหล็กเคมีเชิงเดี่ยวก่อให้เกิดผลข้างเคียงคืออุจจาระมีสีดำคล้ำและมีอาการท้องผูก ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน(type 1) ราตุโครเมียมเซลล์แมทริกซ์ ให้ผลดีมากอย่างน่าทึ่ง ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างรวดเร็วและอยู่ในระดับคงที่ ค่า GTF (Glucose Tolerance Factor)ของโครเมียมเซลล์แมทริกซ์* มีประสิทธิภาพสูงกว่าโครเมียมชนิดเดี่ยวถึง 50 เท่า และมีการดูดซึมได้ดีกว่า 20 เท่า จากผลของการวิจัยมากกว่า 50 เรื่อง ศาสตราจารย์วินสันได้สรุปว่าสารอาหารเซลล์แมทริกซ์ มีการดูดซึม การคงสภาพอยู่ในร่างกายและมีประสิทธิภาพสูงกว่ามากเมื่อเปรียบเทียบกับสารอาหารแบบเคมีเชิงเดี่ยว

 

ปริมาณเพียงเล็กน้อยแต่ประสิทธิภาพที่มากกว่า

ผลิตภัณฑ์หลากหลายในท้องตลาดทุกวันนี้เป็นผลมาจากการต่อสู้แข่งขันกันระหว่างบริษัทผู้ผลิตมากกว่าที่จะมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ มาสนับสนุน แต่สำหรับสารอาหารเซลล์แมทริกซ์ซึ่งมีการดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ดีเหมือนกับเป็นอาหารธรรมชาติที่แท้จริงและยังสามารถคงสภาพในร่างกายได้นานมากกว่าผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารเคมีเชิงเดี่ยว ทั้งที่รับประทานสารอาหารเซลล์แมทริกซ์ในปริมาณที่น้อยกว่ามาก ผลจากการวิจัยเป็นจำนวนมาก ได้พิสูจน์ แล้วว่า การเชื่อมโยงต่อเนื่องของวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เข้ากับโปรตีนในลักษณะเดียวกันกับสารอาหารธรรมชาติอย่างแท้จริงนั้น ร่างกาย ของเราจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นคือเหตุผลที่ทำไม สารอาหารเซลล์แมทริกซ์ จึงมีคุณภาพสูง ในการเสริมสร้างพลังและเพิ่มคลังสำรองของสารอาหารในร่างกาย และเพราะว่าสารอาหารเซลล์แมทริกซ์ มีการดูดซึมได้ดีกว่าวิตามิน และแร่ราตุเคมีเชิงเดี่ยว และยังคงสภาพอยู่ในร่างกายได้นานกว่า ดังนั้นสารอาหารเซลล์แมทริกซ์ จึงสามารถใช้เป็นคลังสำรอง สารอาหารเอาไว้ทดแทนในยามจำเป็นได้อย่างดีที่สุด

 

Cell Matrix เซลล์แมทริกซ์ชนะคดีในศาล

ในช่วงทศวรรษ 1990 มีคดีฟ้องร้องขึ้นสู่ศาลคดีหนึ่ง ซึ่งสร้างความกดดัน และมีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็นอันมาก คดีนี้เกี่ยวข้องกับการฟ้องร้องของบริษัทจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเคมีสังเคราะห์แบบเชิงเดี่ยว(isolated chemical nutrient) บริษัทหนึ่ง ซึ่งปฏิเสธหรือไม่ยอมรับข้อเท็จจริงที่ว่าสารอาหารเซลล์แมทริกซ์ สามารถถูกดูดซึม, คงอยู่ และนำไปใช้ประโยชน์ได้ดีกว่านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติและมีความเป็นกลางจำนวน 5 กลุ่มจึงถูกมอบหมายให้ทำการตรวจสอบโครงสร้าง

โมเลกุลของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเซลล์แมทริกซ์ โดยให้ทำการวิเคราะห์ผลและส่งผลการค้นพบขึ้นสู่ศาล เพื่อวิเคราะห์ข้อกล่าวหาดังกล่าว และในขั้นตอนการทำงานของนักวิทยาศาสตร์ ได้มีการนำเทคโนโลยีล้ำยุคจากนาซ่า (NASA) มาใช้ซึ่งรวมถึงเทคโนโลยี nuclear magnetic resonance

และคำพิพากษาที่ศาลตัดสิน !! ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1993 การฟ้องร้องคดีที่มีมูลค่าความเสียหาย 3 ล้านดอลลาร์ได้มาถึงที่สุด เมื่อผู้พิพากษาศาลเขตแคลิฟอร์เนียได้ใช้อำนาจโดยพิจารณาจากพยานหลักฐานทุกประการที่นำเสนอระหว่างการต่สวนคดีความ (คดี #C8920658SW โดยคำพิพากษาได้ยินยอมให้มีการกล่าวอ้างสรรพคุณดังต่อไปนี้

  • สารอาหารเซลล์แมทริกซ์ ดีกว่า สารอาหารแบบสกัดแยกเชิงเดี่ยว (Isolated USP nutrients)
  • สารอาหารเซลล์แมทริกซ์ ถูกดูดซึม คงอยู่ และใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า สารอาหารแบบสกัดแยกเชิงเดี่ยว (Isolated USP nutrients)
  • สารอาหารเซลล์แมทริกซ์ ถูกผลิตขึ้นภายใต้กระบวนการที่เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เป็นเจ้าของ
บทสรุป Cell Matrix เซลล์แมทริกซ์

ด้วยการทำงานร่วมกันกับธรรมชาติ, Cell Matrix เซลล์แมทริกซ์ เทคโนโลยี ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีคุณประโยชน์อย่างมหาศาลทางด้านสุขภาพ โดยสามารถสกัดสารอาหารเข้มข้นให้อยู่ในรูปสารอาหารแบบเซลล์แมทริกซ์สารอาหารเซลล์แมทริกซ์ มีคุณค่าอย่างมากมายแก่มวลมนุษย์และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน เรามีความจำเป็นที่จะต้องได้ประโยชน์สูงสุดจากอาหารเพื่อให้ปฏิกิริยาชีวเคมีต่างๆในร่างกายดำเนินไปอย่างดีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุดสารอาหารเซลล์แมทริกซ์ Cell Matrix นับเป็นการปฏิรูปใหม่ครั้งสำคัญในเรื่องของอาหารเสริม

และสุขภาพในการป้องกันโรคดร.ปีเตอร์ แมนส์ฟิลด์ (Dr. Peter Mansfield) นายแพทย์และนักเขียนที่มีชื่อเสียงชาวอังกฤษ ได้ให้บทสรุปดังนี้ “ข้าพเจ้าไม่มีข้อสงสัยใดๆอีกเลยในเซลล์แมทริกซ์เทคโนโลยี สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดสารอาหารทางโภชนาการได้เป็นอย่างดีแพทย์และผู้ปฏิบัติเวชกิจทั้งหลายสามารถใช้สารอาหารเซลล์แมทริกซ์ ได้โดยไม่มีอันตรายใดๆ ผลที่ได้รับมีประสิทธิภาพสูงมาก นั่นคือการหายจากความเจ็บป่วยควบคู่กันไปกับการฟื้นคืนไปสู่สุขภาพที่ดีด้วย โดยการได้รับสารอาหารจำเป็นอย่างเพียงพอและในท้ายที่สุดร่างกายก็สามารถที่จะดูแลตัวเองได้เป็นอย่างดี” ฟู้ดแมททริกซ์ เทคโนโลยี ได้รับการการันตีโดยรางวัลโนเบลทางด้านวิทยาศาสตร์และด้วยการชนะคดีในศาลว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า “สารอาหารเคมีสังเคราะห์เชิงเดี่ยว” และหินแร่บดละเอียด ที่อยู่ในรูปของวิตามิน, แร่ราตุเชิงเดียวที่ถูกรับประทานกันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน การศึกษาวิจัยกว่า 50 ชิ้น ถูกตีพิมพ์เผยแพร่สู่สารารณผ่านทางวารสารวิชาการต่างๆ ได้รายงานรับรองถึงประสิทธิภาพของสารอาหารเซลล์แมทริกซ์ ที่สามารถเข้าไปทำงานได้อย่างดีมากในร่างกายของมนุษย์

 

อ้างอิงจาก

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติ่มได้ที่ : healthdailycenter.com

#CellMatrix #เซลล์แมทริก #สารอาหาร #วิตามิน #แร่ธาตุ #อาหารเสริมเซลล์แมทริกซ์

By admin