หม่าล่า เมนูสุดฮิต กับสิ่งที่ต้องระวัง

            ปัจจุบันร้านหม่าล่า เกิดขึ้นเยอะมาก ทั้งแบบปิ้ง แบบย่าง หรือ แบบชาบู ไปที่ไหนก็หาทานได้ง่าย ราคาไม่แรงมาก และมีรสชาติถูกจริตกับคนไทย ซึ่งคำว่า หม่าล่า คนจีนนั้นหมายถึง รสชาติที่เผ็ด ร้อน จนชาลิ้น แต่คนไทยนำมาเรียกเป็น เมนูที่มีส่วนผสมจากสมุนไพร เช่น โป๊ยกั๊ก อบเชย ขิง กานพลู เม็ดยี่หร่า พริกไทยเสฉวน พริกแห้ง พริกป่น ซอสโต้วป้านเจี้ยง กระเทียม กระวานดำ เกลือ น้ำตาล เมื่อมารวมกัน ก็จะได้เป็นซอสหม่าล่า ที่อร่อยถูกปาก แต่ในความอร่อย ก็มีบางอย่างซ่อนอยู่ นั่นแหละ ในดีมีเสีย ในเสียมีดี วันนี้ Health Daily จะมาเสนอ หม่าล่า เมนูสุดฮิต กับสิ่งที่ต้องระวัง

 

ประโยชน์ของหม่าล่า

เนื่องจากใน หม่าล่า มีสมุนไพรค่อนข้างเยอะ จึงมีส่วนช่วยในเรื่องต่างๆ ในร่างกาย อย่างที่เราทราบกันว่า คนจีนมักจะทานอาหารให้เป็นยา ซึ่ง หม่าล่า ก็เช่นกัน...

  • ในหม่าล่ามี พริกเป็นส่วนประกอบ ซึ่งพริก มีสารแคปไซซิน ที่ช่วยในเรื่องของการย่อยอาหาร และยังมีส่วนช่วยในการเกิดโรคมะเร็งทางเดินอาหาร มะเร็งลำไส้ แต่ถ้ารับประทานมากไปก็จะมีผลเสียมากกว่าผลดี ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ
  • หม่าล่า ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกัน เนื่องจากมีสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น โป๊ยกั๊ก อบเชย ขิง กานพลู เม็ดยี่หร่า พริกไทยเสฉวน พริกแห้ง พริกป่น กระเทียม กระวานดำ ซึ่งสมุนไพรและเครื่องเทศเหล่านี้อาจมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบและต้านเชื้อก่อโรคต่าง ๆ ได้ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
  • หม่าล่า มีสมุนไพรที่ช่วยลดคอเลสเตอรอล และ ไขมันในเลือด ในหม่าล่า มีน้ำมันและเมล็ดยี่หร่า เมล็ดกระวาน เปลือกอบเชย กานพลู เมล็ดผักชี กระเทียม รากขิง รากชะเอม น้ำมันสะระแหน่ หัวหอม พริกไทยดำ อาจมีคุณสมบัติในการช่วยป้องกันและรักษาระบบการทำงานของหัวใจและหลอดเลือด อาจช่วยให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงมากขึ้น โดยช่วยต้านความผิดปกติต่าง ๆ ลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอล รวมถึงยังช่วยต้านอนุมูลอิสระและปรับปรุงการทำงานของเมตาบอลิซึมที่เป็นระบบการเผาผลาญในร่างกายให้เป็นปกติ จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
  • หม่าล่า ช่วยลดอาการไซนัส ด้วยลักษณะของหม่าล่า ที่มีส่วนประกอบจากพริกไทยและพริกแห้ง มีรสชาติเผ็ดร้อน ทำให้บรรเทาอากาศหวัด คัดจมูกได้ไปในตัว

ข้อควรระวังในการทานหม่าล่า

  • อาการเสียดท้อง อาการแสบร้อนกลางอก พริกในหม่าล่ามีสารแคปไซซินที่มีฤทธิ์เป็นกรด เมื่อรับประทานมากเกินไปอาจทำให้กระเพาะอาหารและทางเดินอาหารระคายเคือง ส่งผลให้เกิดอาการเสียดท้องและเกิดอาการแสบร้อนกลางอกได้
  • แผลในกระเพาะอาหาร กรดในกระเพาะอาหารและกรดจากอาหารรสเผ็ดที่รับประทานมากเกินไป อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และอาจทำให้เกิดความเจ็บปวดเมื่อกระเพาะอาหารเกิดการระคายเคืองจากอาหารรสเผ็ด
  • โรคกรดไหลย้อน  กรดไหลย้อนอาจทำให้ทางเดินอาหารระคายเคืองและอาจทำลายเยื่อบุหลอดอาหาร โดยเฉพาะหากรับประทานอาหารรที่มีรสเผ็ด อาจส่งผลให้เกิดอาการปวดท้องส่วนบนและเสียดท้อง
  • อาการลำไส้แปรปรวน การรับประทานอาหารที่มีรสเผ็ดมากเกินไปและเป็นเวลานานอาจมีความเสี่ยงในการเกิดอาการลำไส้แปรปรวนมากขึ้น รวมถึงอาจทำให้มีอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องร่วง และท้องผูกได้

 

ขอบคุณข้อมูลจาก Helloคุณหมอ

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *