ผงชูรสทำให้ผมร่วง

ผงชูรสทำให้ผมร่วง จริงหรือ?

ผงชูรสคืออะไร ผงชูรส หรือ โมโนโซเดียม กลูตาเมท

MSG (Monosodium glutamate) ประกอบไปด้วย โซเดียม

(เกลือ) และกรดกลูตามิก (กรดอะมิโนชนิดหนึ่ง) ผงชูรส

ได้จากการ หมักกากน้ำตาล จากอ้อย หรือ

น้ำตาลจากแป้งมันสำปะหลัง ซึ่งเป็น วัตถุดิบธรรมชาติ เป็นผลึกขาว

บริสุทธิ์ ละลายน้ำได้ง่าย และ เข้ากับอาหาร ได้ทุกชนิดผงชูรส

เป็นที่นิยม ในการเป็นประกอบอาหาร เสริมรสชาติ ของอาหารให้ดียิ่งขึ้น

หรือ ทำให้อาหารอร่อย กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น เราจึงพบ

ผงชูรส ตั้งแต่ ร้านทั่วไป จนถึงร้าน ร้านอาหารหรู ราคาแพง

หรือ ในขนมสำเร็จรูป ทั่วไป

 

 

ผงชูรสอันตรายแค่ไหน ถึงแม้ว่า ผงชูรส ไม่ใช่สาเหตุ

ของการผมร่วง แต่ที่เราโดนห้าม กินผงชูรสบ่อยๆ

ห้ามกินเยอะ เพราะมีรายงานจากทางแพทย์

ถึงอาการผิดปกติ ของคนที่กินอาหารที่มี ผงชูรส

เป็นส่วนประกอบหลายอย่าง ตั้งแต่ อาการผิดปกติ

เล็กน้อย จนถึง อาการขั้น รุนแรง เช่น

 

  • คอแห้ง การกระหายน้ำ
  • อาการแพ้ ผงชูรส ปากแห้งลิ้นชา แขน หลัง และคอมีอาการชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง ใจสั่น แน่นหน้าอก หน้าแดง จนถึงขั้นเป็นลมได้
  • กระตุ้นอาการหืดหอบ และไมเกรนให้กำเริบ

 

อันตรายจากผงชูรสที่เกิดขึ้นจากเกลือโซเดียมในผงชูรส

1.ภูมิต้านทานร่างกายลดลง

 

2.เกิดการคลั่งในสมองของเด็ก

ทำให้เด็กโตขึ้นมา มีอาการปัญญาอ่อน

หรือ มีอาการชักโคม่า

 

3.เป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคไต

ความดันสูง โรคหัวใจ และโรคอื่นๆ

ที่แพทย์สั่งห้าม ทานอาหารเค็ม

ส่วนใหญ่ผู้บริโภค หรือ แม้กระทั่งผู้ผลิต

มักไม่ค่อยระมัดระวังในปริมาณการใส่ผงชูรสลงไปในอาหาร

เพราะผงชูรสไม่ได้มีรสชาติเค็มชัดเจนเหมือนเกลือ

ขนาดนั้น ใส่ผงชูรสมากๆ ก็ไม่ใช่จะได้รับ

รสเค็มได้ชัดเจน ถึงอาจจะใส่เยอะ

จนทำให้ร่างกาย ได้รับผงชูรส มากเกินไปโดยไม่รู้

 

อันตรายที่เกิดขึ้นจากตัวผงชูรสเอง เช่น

1.ทำลายสมองส่วนที่ควบคุมการเจริญเติบโต

2.ทำลายระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาทตา

3.อาจเป็นต้นเหตุของมะเร็ง

4.เป็นอันตรายต่อหญิงมีครรภ์ ที่อาจส่งผลกระทบ ต่อการเจริญเติบโตของทารก

 

อันตรายเหล่านี้เกิดขึ้นจากการกินผงชูรส มากเกินไป เท่านั้น

 

 

ผงชูรสต้องกินในปริมาณเท่าไหร่ถึงจะปลอดภัย

สำหรับคนที่ ยังไม่สามารถตัด ผงชูรสออกไปจาก

มื้ออาหารได้อย่างเด็ดขาด ควรรับประทาน

ได้ไม่เกินวันละ 2 ช้อนชา หรือ หากต้องการให้

รสชาติของอาหาร ที่ความอร่อยกลมกล่อม

ใกล้เคียงกับการใส่ผงชูรส สามารถใส่วัตถุดิบจากธรรมชาติได้

เช่น สาหร่าย น้ำต้มกระดูก

 

ถึงแม้ว่าผงชูรส จะแฝงอันตราย เอาไว้มากมาย

แต่หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม

ก็สามารถให้ประโยชน์ กับคนบริโภค ได้เหมือนกัน

 

เรามาดูประโยชน์ของ ผงชูรส กันบ้างครับ

1. ช่วยเพิ่มความต้องการอยากอาหารให้กับผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุหลายคน เริ่มทานอาหารไม่ค่อยอร่อย เพราะต่อมรับรู้

รสชาติเริ่มทำงาน ไม่ไวต่อรสชาติมากเท่าสมัยยังหนุ่มสาว

จึงทำให้ผู้สูงอายุหลายคน เริ่มมีอาการเบื่ออาหาร และค่อยๆ

ผ่ายผอมลงเรื่อยๆ วิธีแก้ไขง่ายนิดเดียว เพียงเพิ่ม

ผงชูรสลงไปในอาหาร เพียงเล็กน้อย จะทำให้ผู้สูงอายุรับรู้รสชาติ

อูมามิ หรือรสชาติอร่อยกลมกล่อมของอาหารได้มากขึ้น

ช่วยเจริญอาหาร ได้มากขึ้นนั่นเอง

 

2. ช่วยให้กระเพาะอาหาร และ ต่อมน้ำลายทำงานดีขึ้น

ในผู้ป่วยที่มีภาวะ กระเพาะอาหารฝ่อ หรือ

ต่อมน้ำลายทำงานได้ไม่ดี อาจทำให้เกิดอาการน้ำลายแห้ง

และเบื่ออาหาร การเพิ่มรสชาติกลมกล่อม

ผ่านผงชูรสลงไปในอาหาร จึงช่วยกระตุ้น

ความอยากอาหารให้ผู้ป่วยทานอาหารได้มากขึ้น

ทานอาหารได้อร่อยขึ้นนั่นเอง

 

 

3. ช่วยลดปริมาณโซเดียมในอาหารได้

ในส่วนของคน ที่ติดรสชาติเค็ม ปรุงอาหารโดยน้ำปลา

หรือ เกลือ จำนวนมาก เพื่อให้ได้รสชาติที่ต้องการ

หากเปลี่ยนมาใส่เกลือน้อยลง แล้วใส่ผงชูรสลงไปเล็กน้อย

จากผลงานวิจัยพบว่า ได้รสชาติอร่อยถูกใจไม่แพ้กัน

ดังนั้นการใส่ผงชูรส ลงไปในอาหารเล็กน้อย จะช่วยให้เราใส่เกลือได้น้อยลง

โดยที่รสชาติไม่เสียจะเห็นได้ว่าหากใส่ผงชูรสปริมาณเล็กน้อย

ไม่ได้ทำให้ สุขภาพ ของเราเสียแต่อย่างใด

แถมยังมีประโยชน์ได้ในหลาย ๆ ด้าน เพียงแต่ต้องทานเพียงเล็กน้อย

และต้องมั่นใจว่า เป็นผงชูรสแท้เท่านั้น ใครที่แพ้ผงชูรสต้อง

งดต่อไป ใครที่อยากลดการทานเค็ม แต่พอไม่ใส่เกลือ

ไม่ใส่น้ำปลาก็รู้สึกอาหารไม่อร่อย ก็ลองใส่ผงชูรสนิดหน่อย

ช้อนชาได้ ส่วนใครที่ เลี่ยงทาน ได้ก็จะเป็นอะไรที่ดีมากครับ

 

ผงชูรสทำให้ผมร่วง ถ้ากินมาก ?

การรับกินผงชูรสมากๆ ไม่ได้ทำให้ผมร่วง

หัวล้านแต่อย่างใด ยังไม่มีการรายงาน ในวารสารทางการแพทย์

หรือผลงานวิจัยใดๆ ทั้งสิ้น หลายคนนำอาการผมร่วงมา

คิดกันไปว่า สาเหตุ มาจากการกิน ผงชูรส ซึ่งไม่เป็นความจริง

ผงชูรสจึงตกเป็นผู้ร้าย ของสาเหตุ ที่ทำให้ผมร่วง มาตั้งแต่

รุ่นพ่อแม่ แต่อันที่จริงแล้วสาเหตุใหญ่ๆ ของผมร่วง

เกิดจากความผิดปกติ ของรูขุมขน บนหนังศีรษะ และ

เส้นผมเอง ซึ่งเป็นความเชื่อ เล่าต่อกันมาแบบผิดๆ เท่านั้นเองครับ

 

 

By admin

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *