รูปแบบชีวิต ที่เปลี่ยนไป หลังจากการมีวัคซีน
เมื่อไม่นานมานี้ เหล่าผู้พัฒนา และ ผลิตภัณฑ์ทั่วโลก ต่างโชว์ผลงาน
การวิจัยทางการแพทย์ เกี่ยวกับเรื่องของการพัฒนา วัคซีน เพื่อช่วย
ในการยับยั้งไวรัสกินโลก อย่าง Covid-19 ที่กำลังระบาด
และขยายวงกว้าง ไปทั่วโลก ณ ขณะนี้ โดยบริษัท ที่ยืนยันผลทดสอบ
ว่าได้ผลดีกับการต้าน Covid ให้ผลสูงถึง 95% อย่าง ไฟร์เซอร์ และ โมเดอร์นา
ถือเป็นข้อดี ที่เราต่างจะมีวัคซีน เป็นเครื่องมือ ที่จะข่วยหยุดฝันร้าย
ในเรื่องของโรคระบาดนี้ ให้จบสิ้นกันไปซะที แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น
95 % เอง ก็ยังเหลืออีกตั้ง 5 % ที่วัคซีน จะไม่ให้ผล หรือ ประสิทธิผล
ที่ดีเยี่ยมที่สุดสำหรับ หมู่มวลมนุษยชาติ
จะเป็นอย่างไร ถ้าวัคซีนได้ผล และ จะเป็นอย่างไรกันละ ถ้ามันไม่ได้ผล ?
คำถามนี้ อาจจะเป็นคำถาม ที่คอยรบกวนจิตใจ ของคนที่กำลังเป็นทุกข์
กับความหวาดระแวง ของการแพร่ระบาดของไวรัสในขณะนี้ เพราะเกรงว่า
การใช้ชีวิตเราตนเอง จะไม่เป็นปกติอีกต่อไป
รูปแบบชีวิต (ที่อาจจะเปลี่ยย หรือ ไม่?) หลังมีวัคซีน
ข้อกำหนด ขอการเข้ารับวัคซีน ที่เกิดขึ้นในโลกแล้วนั้น อนุญาตให้ผู้รับ
ต้องมีอายุ 16 ปี บริบูรณ์ขึ้นไป และ ตอนนี้ มีกลุ่มแรก และ กลุ่มอื่นๆ
ได้รับวัคซีนแล้ว เพราะตัววัคซีน ที่แจ้งว่าประสบผลในการต้านมากที่สุด
กำลังทำหน้าที่กระจายตัวเอง เพื่อทำหน้าที่รักษาประชากรของโลก
ไว้ให้ได้มากที่สุด
แม้จะทราบกันดีทั่วโลกว่า การมีวัคซีน อาจจะเป็นช่องทางสว่าง ของการรอดชีวิต
แต่นักเชี่ยวชาญ ก็ยังกล่าวว่า การต่อสู้กับ Covid จะเป็นยุคสมัยที่ยาวนาน
ถึงแม้ว่าหลายคน จะได้รับวัคซีนแล้ว การแพร่ระบาด ก็คงไม่จบลงง่ายๆ
และมุ่งหวัง และ คาดหวัง ให้ประชากร ให้ความร่วมมือ กับวิธีการป้องกันเพื่อลดการระบาด
ไม่มีอะไรเปลี่ยนชัดเจน ในอนาคตอันใกล้นี้แน่นอน
ศาสตราจารย์ ในแผนกของโรคติดเชื้อ กล่าวว่า มันไม่ใช่แค่เรื่อง ของเครื่องมือรักษา
แต่เป็นเรื่องของการทำความเข้าใจ และ ต้องตระหนัก ของการกระจายวัคซีน
เพราะว่า การผลิตวัคซีน เพื่อทำการส่งให้กับทั้งโลก ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะต้องใช้เวลา
และ มีปริมาณมาก ดังนั้นแล้ว เรื่องการเปลี่ยนแปลง ทางสังคมแบบทันที หลังมีวัคซีน
ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน การติดต่อ อาจจะสวิงอย่างรวดเร็ว แต่การกลับไป ไม่ง่ายแบบนั้น
โดยประเด็นสำคัญ ของการแจกจ่ายวัคซีนนั้น ถูกพิจารณา
ตามหลักของความสำคัญของการแจกจ่าย วัคซีน เพราะในภาคส่วนแรก
ที่ควรได้รับมากสุด หลายคนอาจจะนึกว่าเป็นผู้ป่วย แต่ความจริงแล้ว
ไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะคนกลุ่มแรก ที่ควรได้ก่อน คือคณะของหมอ พยาบาล
และกลุ่มผู้ดูแลทั้งหลาย มันคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ถ้าเกิดบุคคลเหล่านี้หายไป
แล้วใครจะรักษาเรา?
กลุ่มที่รองลงมา คือกลุ่มที่ได้รับผลรุนแรงมาก หรือ กลุ่มที่มีความเสี่ยงมาก
อย่างเช่นผู้สูงอายุ ที่ Covid จะให้ผลรุนแรง เมื่อติดโรคเข้าไปในร่างกาย
ในเหตุการณ์ล่าสุด คนที่ได้รับวัคซีนคนแรก ของประวัติศาสตร์โลก ในเรื่องนี้
เป็นหญิงอังกฤษวัย 91 ปี ที่ติดเชื้อ และ ได้เข้ารับการฉีดแล้ว
ดังนั้นแล้วปัจจัยความเปลี่ยนแปลง จะถูกมุ่งเน้น ไปที่จุดอื่นด้วย ยกตัวอย่างเช่น
ความเครียด ที่เกิดกับประชากร ในเรื่องของการรอการรักษา โดยวัคซีน
ปัญหาของสุขภาพจิต และ อื่นๆ รวมถึงเรื่องของการขนส่งจริงๆ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก
เนื่องจาก หลักของการขนส่งที่ถูกต้องจริงๆ วัคซีน ต้องอยู่ในอุณหภูมิที่ -80 องศา
และความท้าทายต่อมาคือ ไม่ใช่ทุกที่ในโลก ที่มีพื้นที่ และ อุปกรณ์ที่เหมาะสม
ในการจัดเก็บวัคซีนนี้ บางที่จึงจำเป็น ต้องเก็บวัคซีนไว้ในสถานที่ใหญ่ และค่อย
กระจายสู่ภาคย่อยทีหลัง ส่งตรงไปเลยไม่ได้ ทำให้เกิดความลำบากในการนำส่ง
ไม่กลับไปเป็นเหมือนเก่าอีกแล้ว
คนต่างคิดว่า วัคซีน คือทางแก้ไขปัญหา การแพร่ระบาด ณ ปัจจุบันนี้
เพียงแต่ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญ ก็ไม่อาจจะให้การยืนยันคำพูดนี้ได้ เนื่องจาก
ผลลัพธ์ของวัคซีน ที่ถูกพัฒนา ในระยะเวลาอันสั้นแบบนี้นั้น มีแต่ของไฟร์เซอร์
เป็นเพียงเจ้าเดียว ที่ได้รับผลยืนยันเรื่องผลลัพธ์ต่อการออกฤทธิ์ต้านไวรัส
เพราะยังไม่ได้รับผลจากเจ้าอื่น ว่าป้องกันได้หรือไม่
เป็นไปได้ว่า อาจจะป้องกันไม่ให้ป่วยได้ แต่ไม่ได้เคลมว่า ป้องกัน
ไม่ให้คุณติดเชื้อ และ ส่งต่อไปสู่คนอื่น หมายความว่า วิธีการดูแล หรือ ป้องกัน
ที่ดีที่สุด ตอนนี้ เป็นเรื่องของการสวมหน้ากากอนามัย และ ล้างมือบ่อยๆ
ยังเป็นวิธีที่ให้ผลดีที่สุด ในการป้องไวรัส Covid เมื่อติดโรคน้อยลง
การส่งต่อก็น้อยลง การเสียชีวิตก็น้อยลง เป็นเงาตามตัว
หากทุกคนปฏิบัติ อย่างเคร่งครัด ฉะนั้นแล้ว การดูแลตัวเอง
ป้องกันตัวเอง ให้เกิดความเสี่ยงน้อยที่สุดนั้น
เป็นหนทางที่ดีที่สุด ที่ได้รับการยืนยันจากแพทย์ทั่วโลกแล้ว
ทุกคนอย่าลืมสวยหน้ากากอนามัย และ ล้างมือเป็นประจำ
ด้วยความปรารถนาดี จากสุขภาพดีดี
ISONITY ผลิตภัณฑ์ เบต้ากลูแคน มีความสามารถในการต้านไวรัส
